พลาสติกวิศวกรรมเป็นวัสดุที่นักออกแบบหลายคนเลือกใช้ ซึ่งพลาสติกวิศวกรรมมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ก่อนที่จะเลือกใช้พลาสติกวิศวกรรมในงานผลิต ต้องดูกันก่อนว่าพลาสติกวิศวกรรมชนิดไหนที่จะเหมาะกับงาน มาทำความรู้จักกับพลาสติกวิศวกรรมกันเถอะ
พลาสติกวิศวกรรมคืออะไร
พลาสติกวิศวกรรมคือ พลาสติกที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าพลาสติกธรรมดาทั่วไป โดยหลัก ๆ จะเน้นไปที่เรื่องของความทนทาน ไม่ว่าจะเป็นทนทานต่อการกัดกร่อน ทนทานต่อการสึกหรอ และทนต่ออุณหภูมิได้ดีมากกว่าพลาสติกทั่วไป เนื่องจากมีการเติมสารพิเศษเข้าไป ให้พลาสติกวิศวกรรมมีความสามารถที่เหนือกว่า แต่ทั้งนี้ก็มีราคาสูงกว่าพลาสติกชนิดทั่วไป
ประเภทของพลาสติกวิศวกรรม
พลาสติกวิศวกรรมมีอยู่หลายชนิด โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) และเทอร์โมเซตติ้งพลาสติก (Thermosetting Plastic)
เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
พลาสติกที่มีคุณสมบัติคือเมื่อได้รับความร้อนจะกลายเป็นของเหลว สามารถนำไปขึ้นรูปให้มีลักษณะต่าง ๆ ได้ และเมื่อทิ้งไว้ให้เย็นตัว เทอร์โมพลาสติกก็จะกลับมาแข็งตัวได้อีกครั้ง
ข้อดี : สามารถรีไซเคิลได้
ข้อเสีย : มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อเจออุณหภูมิสูง
เทอร์โมเซตติ้งพลาสติก (Thermosetting Plastic)
พลาสติดที่มีความคงที่สูง เมื่อได้รับความร้อนจะไม่มีการอ่อนตัว หรือเกิดการหลอมเหลว แต่หากได้รับความร้อนในอุณหภูมิที่เกินจะรับไหว จะทำให้เทอร์โมเซตติ้งแตกชำรุด ไหม้เป็นขี้เถ้า ไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก
ข้อดี : ทนความร้อนได้ดี ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนต่อแรงกระแทก และทนต่อสารเคมีได้ดี
ข้อเสีย : ไม่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ด้วยการหลอม
การเลือกพลาสติกวิศวกรรมให้เหมาะกับการใช้งาน
ประเภทใหญ่ ๆ ของพลาสติกวิศวกรรมไปแล้ว ซึ่งแต่พลาสติกวิศวกรรมแต่ละประเภท สามารถได้ออกเป็นชนิดย่อย ๆ อีก เมื่อจะต้องเลือกพลาสติกวิศวกรรมมาใช้ในงานผลิต จะต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะกับการนำมาใช้งาน โดยส่วนมากประเภทของพลาสติกวิศวกรรมที่สายผลิตเลือกมาใช้งาน จะมีดังต่อไปนี้
- Polytetrafluoroethylene (Teflon) – มีความโดดเด่นในเรื่องของการทนความร้อนได้ถึง 250 องศาเซลเซียส จึงนิยมนำมาทำเป็นสารเคลือบผิวในเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือกระทะ และนำมาทำเป็นฉนวนกันความร้อน
- Polyamides (Nylon) – มีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อสารเคมี ทนต่อแรงกดทับและแรงดึง จึงนิยมเลือกมาใช้งานกับเครื่องจักร โดยนำมาผลิตเป็นล้อ สายพานลำเลียงในโรงงานโดยส่วนใหญ่ หรือนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเคเบิ้ลไทร์
- Acrylonitrile Butadiene Styrene (ABS) – มีความทนทานต่อสารเคมีสูง ทนความร้อนได้ดี มีความเหนียวทนทาน และมีคุณสมบัติพิเศษคือมีความเป็นเงา นิยมนำมาทำเป็นชิ้นส่วนตัวต่อของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์
- Polyethylene (PE) – เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงและเหนียว ทนสารเคมีได้ มีคุณสมบัติคือลอยน้ำได้ เนื้อสัมผัสมีความลื่นมัน นิยมนำมาใช้ผลิตเป็นขวดน้ำ ขวดบรรจุสารเคมี ท่อน้ำ ท่อไฟฟ้า
เมื่อรู้จักกับพลาสติกวิศวกรรมแต่ละชนิดแล้ว ก็จะช่วยให้คุณเลือกพลาสติกมาใช้ในการผลิตได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง จะเห็นว่าพลาสติกวิศวกรรมแต่ละชนิดมีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันไป ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลาย ทำให้นักออกแบบและผู้ผลิตต่างเลือกใช้พลาสติกวิศวกรรมในการผลิตสินค้า