เคเบิ้ลไทร์ เป็นสายรัดชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับจัดกลุ่มสิ่งของ-สายไฟ ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันให้เป็นหมวดหมู่ เช่น ใช้รัดสายเคเบิ้ล สายโทรศัพท์ สายโฮมเธียเตอร์ สายลำโพง เป็นต้น เพื่อยึดติดกับโครงเหล็ก-เสา หรือยึดสิ่งของเข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากเคเบิ้ลไทร์มีความเหนียว แข็งแรงและสามารถล็อคสายไว้ได้อย่างมั่นคงไม่หลุดง่าย ซึ่งสายเคเบิ้ลไทร์ที่ดีนั้นต้องพิจารณาคุณสมบัติก่อนเลือกซื้อมาใช้งาน จะต้องเลือกอย่างไรบ้างนั้น มาดูไปพร้อมกันเลย!
1. พิจารณาวัสดุของเคเบิ้ลไทร์
ก่อนเลือกซื้อเคเบิ้ลไทร์ อันดับแรกต้องพิจารณาก่อนว่าผลิตจากวัสดุประเภทใด ซึ่งตัวเคเบิ้ลไทร์หลักๆ 2 แบบมักผลิตจาก พลาสติกไนลอน และเคเบิ้ลไทร์สแตนเลส ซึ่งมีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยเคเบิ้ลไทร์พลาสติกจะเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ส่วนเคเบิ้ลไทร์ที่ผลิตจากไนลอนจะเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมและมีความเหนียวแน่นทนทาน รวมถึงสามารถกันรังสี UV ได้บ้าง หากเป็นเคเบิ้ลไทร์สแตนเลสจะมีความแข็งแกร่งและทนต่ออุณภูมิสูง แต่อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีรังสีหรือสารเคมีต่างๆ
2. พิจารณาวัตถุประสงค์การใช้งาน
เคเบิ้ลไทร์ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เคเบิ้ลไทร์ธรรมดา เคเบิ้ลไทร์แบบทนรังสียูวี เคเบิ้ลไทร์สแตนเลส เคเบิ้ลไทร์แบบหัวลูกศร และเคเบิ้ลไทร์แบบพร้อมป้ายข้อมูล นอกจากนี้เคเบิ้ลไทร์บางประเภทจะมีตัวล็อกแบบปลดล็อคได้ และพื้นผิวของสายรัดที่แตกต่างกันออกไปด้วยเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นก่อนเลือกซื้อเคเบิ้ลไทร์อาจจะต้องดูด้วยว่าจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ใช้รวบสายเคเบิ้ล ใช้มัดเส้นลวด รัดยึดท่อ ใช้สำหรับงานเดินไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น
3. พิจารณาความยาวของเคเบิ้ลไทร์
เคเบิ้ลไทร์มีหลากหลายความยาวให้เลือกใช้ ตั้งแต่ ยาว 4 นิ้วไปจนถึงความยาว 30 นิ้ว ดังนั้นก่อนเลือกซื้อเคเบิ้ลไทร์ควรวัดขนาดหรือเส้นผ่านศูนย์กลางของวัสดุที่ต้องการรัด และอย่าลืมเผื่อความยาวไว้เล็กน้อยเพื่อให้สามารถรัดสายได้สะดวก รวมถึงไม่ต้องตัดความยาวส่วนเกินของเคเบิ้ลไทร์ออกมากเกินจำเป็น
4. พิจารณาความทนทาน
ความทนทานของเคเบิ้ลไทร์จะหมายถึงค่าความต้านของแรงดึงที่วัดโดยนิวตันหรือปอนด์ ยิ่งมีความต้านทานแรงดึงสูงเท่าไหร่เคเบิ้ลไทร์ก็จะยิ่งทนทานมากเท่านั้น เช่น หากมีค่าความต้านทานแรงดึง 250 ปอนด์ จะต้องใช้แรงกดมากกว่า 250 ปอนด์หรือประมาณ 113.4 กิโลกรัม เพื่อทำลายกลไกการสลักล็อกบนเคเบิ้ลไทร์ได้นั่นเอง
5. พิจารณาสีของเคเบิ้ลไทร์
สีของเคเบิ้ลไทร์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อด้วย โดยเคเบิ้ลไทร์สีขาวอาจเลือกใช้ในที่ร่มหรือภายในอาคาร ส่วนสายเคเบิ้ลไทร์สีดำควรใช้สำหรับสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง เนื่องจากมีความทนทานต่อสภาพอากาศและสีไม่ซีดจาง หรือหากต้องการแยกสายต่างๆ อาจเลือกใช้เคเบิ้ลไทร์หลากสี เช่น เคเบิ้ลไทร์สีเขียว เหลือง แดง น้ำเงิน เพื่อจัดหมวดหมู่หรือประเภทของวัสดุที่ต้องการรัดด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าเคเบิ้ลไทร์ นอกจากจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ผลิตแล้ว ยังถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต่างกันด้วย หากจะเลือกซื้อเคเบิ้ลไทร์จึงควรเลือกให้ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด ที่สำคัญอย่าลืมเลือก แบรนด์ YORU เคเบิ้ลไทร์ที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่อการใช้งานที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด